วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หน่วยที่ 3 ท่องโลกอินเทอร์เน็ต

แนวคิด
        การดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ต้องการความสะดวก ความรวดเร็ว และต้องการข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ดังนั้น จึงก่อให้เกิดรูปแบบของการบริการต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาเพื่อจะได้สามารถนำการบริการต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์

สาระการเรียนรู้
        1.เครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Web : WWW)
        2.ไปรษณีย์เล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-mail)
        3.การโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่าย (File Transfer Protocol : FTP)
        4. การบริการใช้เครื่องข้ามเครือข่ายด้วย Telnet
        5.บริการค้นหาข้อมูลข้ามเครือข่าย
        6.บริการสนทนาออนไลน์ (Chat)
        7.กระดานข่าว หรือ Bulletin Board System (BBS)
        8.การค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
        1.อธิบายความหมายของเครือข่ายใยแม่งมุมได้
        2.บอกถึงรูปแบบการบริการบนอินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทได้
        3.จำแนกรูปแบบการบริการบนอินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทได้

        เครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Web : WWW)
        เป็นการบริการในการสืบค้นข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเป็นการบริการที่สามารถทำให้เอกสารต่าง ๆบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้
การที่เราสามารถเชื่อมโยงเอกสารในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ทั่วโลกได้ ซึ่งคล้ายกับใยแมงมุม จึงทำให้ระบบนี้ถูกเรียกว่า เครือข่ายใยแมงมุม (Wold Wide Web) หรือ WWW เว็บ (Web) นั่นเอง
        การนำเสนอข้อมูลในระบบเครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Web)  พัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายปี พ.ศ 2532 (ค.ศ 1989) โดยทีมงานจากห้องปฏิบัติการทางจุลภาคปิสิกส์แห่งยุโรป (Europen Physics Labs )หรือที่รู้จักในชื่อ CERN (Conseil European pour la Recherche Nucleaire)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มีการพัฒนาภาษาที่ใช้สนับสนุนการเผยแพร่เอกสารของนักวิจัย หรือ เอกสารเว็บ (Web Document)จากเครื่องแม่ข่าย (Server)ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในระบบ www เรียกว่า ภาษา HTML (Hyper Text Markup Language)
        ลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารเว็บคือ การเชื่อมโยงเอกสาร หรือที่เราเรียกว่า Link  จากเอกสารภายในหน้าเดียวกัน และสามารถเชื่อมโยงสามารถกระทำได้ทั้งในลักษณะของข้อความ หรือ ไฮเปอร์เท็กซ์ (Hyper text)และสื่อประสมต่าง ๆ ที่ใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูล อาจจะอยู่ในรูปของข้อความ รูปภาพและเสียง หรือ “ไฮเปอร์มีเดีย  (Hyper Media)

ไปรษณีย์เล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-mail)
        เป็นบริการหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นวิธีติดต่อสื่อสารที่เป็นมาตรฐาน โดยที่สามารถจะรับ-ส่งเอกสารทั้งที่เป็นเอกสารข้อความและทั้งที่เป็นเอกสารแบบมัลติมีเดีย คือ มีทั้งภาพและเสียง โดยสารมารถสื่อสารกันได้ไม่ว่าผู้รับและผู้ส่งจะอยู่ใกล้หรือไกลกันเพียงใดก็ตามบุรุษไปรษณีย์ที่จะทำหน้าที่ส่งจดหมายต่าง ๆ ให้กับเราก็คือเว็บไซต์ที่เราได้ขอลงทะเบียนเป็นสมาชิกเพื่อใช้บริการ เมื่อลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาไว้สำหรับติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ได้เรียกว่า E-mail Address
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
        www.hotmail.com
        www.thaimail.com
        www.chaiyo.com
        www.lemonline.com
        www.yahoo.com
        www.siammail.com
        www.thailand.net

        มีเว็บไซต์มามายที่เปิดให้ใช้บริการ E-mail เพื่อสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ไปใช้บริการอินเทอร์เน็ต และการใช้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ก็คล้ายกับการจากสำนักงานไปรษณีย์ ก็คือ เมื่อมีผู้ส่งก็จะต้องมีผู้รับ และผู้รับจดหมายเท่านั้นที่จะสามารถเปิดจดหมายของตนเองได้

การโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่าย (File Transfer Protocol : FTP)
        FTP หรือ File Transfer Protocol เป็นบริการโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่าย ข้อมูลทีโอนย้ายมีหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ เพลง รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข่าวสาร โปรแกรมคอมพิวเตอร์ฯลฯ โดยการโอนย้ายข้อมูลจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือการ
        Download คือ การนำข้อมูลจากเครื่องที่ไห้บริการ FTP หรือ จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
        Upload คือ การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปไว้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
        การใช้งาน FTP สามารถกระทำได้โดยผ่านโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์  (Web Browser) หรือ
สามารถทำได้ในรูปแบบของ Text Mode ผ่านUnix ด้วยคำสั่ง Get, Put หรือ Graphics Mode ผ่าน Microsoft Windows เช่น การใช้โปรแกรม Win  FTP Light, Cute  FTP
        การใช้บริการ FTP สามารถทำได้ทั้งผู้ที่เป็นสมาชิก FTP Server และบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิก โดยสามารถเข้าไปใช้บริการได้บางประเภทในนามของ Anonymous FTP



การบริการใช้เครื่องข้ามเครือข่ายด้วย Telnet
        เป็นบริการที่ช่วยให้เราสามารถล็อกอิน (Login) เข้าไปใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลได้ เสมือนกับเราไปนั่งใช้งานที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ๆ และสามารถสั่งให้เครื่องปฏิบัติงานตามคำสั่ง หรือโปรแกรมจาดเครื่องเราก็ได้ การแสดงผลลัพธ์ของโปรแกรม Telnet นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะแสดงในรูปของข้อความ
        การทำงานของ Telnet จะช่วยประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย เป็นการบริการที่สามารถขอเข้าไปใช้บริการ หรือ ทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ ภายในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะมีเครื่องแม่ข่าย (Server) ที่จะทำหน้าที่ในการประมวลผล และจักเก็บข้อมูลไว้ยังฐานข้อมูล งานบางชนิดจะต้องใช้โปรแกรมสำหรับการทำงานเฉพาะอย่าง ดังนั้น เครื่องที่เป็นแม่ข่าย (Server) จะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง และการติดตั้งโปรแกรมก็จะติดตั้งไว้ที่เครื่องแม่ข่ายเพียงเครื่องเดียวเพื่อสะดวกในการใช้งาน ซึ่งเครื่องแม่ข่ายภายในศูนย์คอมพิวเตอร์ของหน่วยงาน มักจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม หรือ ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์
        เมื่อเราต้องเดินทางไปทำงานยังต่างจังหวัด แล้วต้องส่งข่อมูลเข้ามายังหน่วยงาน ก็สามารถนั่งทำงานอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แล้วก็จะใช้บริการ Telnet โดยการล็อกอิน (Login) เข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ขาย (Server) ของหน่วยงาน ก็จะสามารถส่งข้อมูลเข้าไปในเครื่องแม่ข่ายประมวลผลข้อมูลให้ แล้วจึงนำผลลัพธ์ที่ได้กลับไปแสดงผลยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเอง เสมือนกับเราเข้าไปนั่งทำงานที่หน้าจอเครื่องแม่ข่ายภายในศูนย์คอมพิวเตอร์ของหน่อยงาน ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์เข้าไปใช้บริการ Telnet จะต้องเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการดูและระบบ หรือสมาชิกของระบบ จึงจะได้ล็อกอิน (Login) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเปิดประตูเข้าไปใช้บริการของระบบนี้ บริการของระบบนี้ บริการ Telnet สามารถค้นหาข้อมูล และโอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นระบบที่แตกต่างกันได้

บริการค้นหาข้อมูลข้ามเครือข่าย
        การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นอีกบริการหนึ่งที่นิยมมาก เพราะจะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะมีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมากดังนั้น การค้นหาข้อมูลจึงจำเป็นที่จะต้องมีโปรแกรมเพื่อให้ทราบแหล่งที่อยู่ของข้อมูล ดังเช่น
        Archle
        เป็นวิธีการแบบง่าย ๆ พัฒนาจากมหาวิทยาลัย  Mc Gill ใน Montreal ประเทศแคนาดาเนื่องจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลบรรจุอยู่อย่างมากมาย ดังนั้นเพื่อช่วยให้ค้นหาแฟ้มข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจึงโปรแกรม อาร์คี (Archie) ช่วยในการค้นหาแฟ้มข้อมูลที่ต้องการได้ ซึ่งอาร์คี (Archie) เป็นระบบค้นหาแฟ้มข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายที่ไห้บริการ FTP ที่เป็นแบบ Anonymous FTP โดยการค้นหาแฟ้มข้อมูลของเรานั้น เราทราบเฉพาะชื่อของแฟ้มข้อมูลแต่ไม่ทราบว่าแฟ้มข้อมูลนั้นอยู่ที่เครื่องใดบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต   โปรแกรมนี้จะช่วยสร้างบัตรรายการไว้ในฐานข้อมูลของระบบ เมื่อเราต้องการค้นหาว่าแฟ้มข้อมูลนั้นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ใด อาร์คี (Archie) จะช่วยตรวจสอบจากบัตรรายการในฐานข้อมูลที่ได้จัดทำไว้ แล้วจะแสดงให้เราทราบที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บแฟ้มข้อมูลนั้น ๆ  ไว้ เมื่อทราบแล้วเราก็สามารถใช้คำสั่ง FTP เพื่อโอนย้ายแฟ้มข้อมูลดังกล่าวมาว่าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้

        Gopher
        พัฒนาจากมหาวิทยาลัย Minnesota ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นวิธีที่สามารถรับข้อมูลได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง และข้อมูลประเภทมัลติมีเดีย เป็นต้น การค้นหาข้อมูลในรูปแบบของโกเฟอร์ (Gopher) ไม่จำเป็นที่จะต้องทราบโดเมนเนม (Domain Name) หรือ IP Address เพราะระบบการค้นหาข้อมูลของ โกเฟอร์ (Gopher) จะใช้รูปแบบของเมนู และไม่ต้องทราบรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงอยู่กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โกเฟอร์ (Gopher) จะใช้รูปแบบของเมนู และไม่ต้องทราบรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่เชื่องโยงอยู่กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โกเฟอร์ (Gopher) จะจัดรูปแบบเมนูไว้ไห้เลือก เพียงแต่ต้องการเลือกรายการใดก็กด Enter เพื่อที่จะติดต่อไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server) ที่ให้บริการของแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้น

      บริการสนทนาออนไลน์ (Chat)
        การสนทนาออนไลน์  หรือที่เรียกว่า   chat (IRC- Internet Relay Chat)เป็นการสนทนาระหว่างบุคคลที่ใช้บริการบนเครื่องข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีการโต้ตอบกันได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำตอบเหมือนการใช้ E-mail โดยการพิมพ์ข้อความ หรือใช้เสียงในการสนทนาก็ได้ การสนทนาสามารถกระทำได้ในลักษณะของกลุ่มสนทนา เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ปัจจุบันนี้ได้นำวิธีการสนทนาออนไลน์มาประยุกต์ใช้กับการประชุมทางไกล (VDO Coference) โดยใช้อุปกรณ์ เช่น กล้องที่ใช้ในการส่งภาพ ไมโครโฟน เป็นต้น
โปรแกรมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Porcj ,ICQ ,Microsoft Netmeeting

กระดานข่าว หรือ Bulletin Board System (BBS)
        เป็นการในรูปแบบของกลุ่มสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในกลุ่มของผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน โดยจะตั้งเป็น กลุ่มข่าว (News Group) เช่น กลุ่มอายุก็ได้ เช่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา กลุ่มผู้หญิงทำงาน เป็นต้น เพื่อให้แสดงความคิดเห็น หรือเมื่อต้องการสอบถามในเรื่องที่สงสัยและต้องการคำตอบ ผู้ที่อยู่ภายในกลุ่มสามารถให้ คำแนะนำ หรือตอบข้อสงสัยได้ ทำให้เราได้รับประโยชน์และได้ความรู้ใหม่ ๆ จากหลากหลายความคิดเห็นที่แตกต่าง กันไป

การค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce
        E-Commerce หรือ Electronic Commerce เป็นระบบการค้าที่มีการซื้อ-ขาย ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งโลกยุคดิจิทัลระบบการค้าจะมิได้ยึดรูปแบบเดิม คือ ต้องหาทำเลเพื่อตั้งร้านค้าหรือหาพนักงานในการดำเนินการค้า แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของการสื่อสาร จะทำให้เราสามารถเปิดการค้าได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดกว่ารูปแบบเดิม และสามารถดำเนินการค้าได้ไม่เฉพาะแต่ภายในประเทศ หรือในเขตพื้นที่ตั้งร้านเท่านั้น แต่สามารถค้าขายได้กับทุกคนที่ใช้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนอกจากนี้ยังเป็นวิธีทำการค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโง เพียงแต่นั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในบ้านของเราก็สามารถดำเนินการซื้อ –ขายสินค้าได้ ดังนั้นหน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเปรียบเสมือนประตูที่เปิดสู่ร้านค้าทั่วโลก



แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3


1. ระบบเครือข่ายใยแมงมุมโดยทีมงานจากห้องปฏิบัติการทางจุลภาคฟิสิกส์อยู่ที่ประเทศใด
        ก. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
        ข. ประเทศสหรัฐอเมริกา
        ค. ประเทศอิตาลี
        ง. ประเทศสวีเดน

2.  เว็บไซต์ที่ให้บริการด้านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
        ก. www.hotmail.com
        ข. www.thaimail.com
        ค. www.yahoo.com
        ง. ถูกทุกข้อ

3. FTP เป็นการโอนย้ายข้อมูลแบ่งออกเป็นกี่แบบ
        ก. 1 แบบ
        ข. 2 แบบ
        ค. 3 แบบ
        ง. 4 แบบ

4. Download หมายถึง
        ก. การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปไว้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
        ข. การนำข้อมูลจากเครื่องที่ให้บริการ FTP หรือจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
        ค. ผิดทั้งข้อ ก,
        ง. ถูกทั้งข้อ ก,

5. เมนเฟรม หรือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใด
        ก. คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
     ข. คอมพิวเตอร์ขนาดกลาง
     ค. คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
     ง. คอมพิวเตอร์ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก

6. Archle พัฒนาจากมหาวิทยาลัยใด
     ก. Boston University
     ข. Clemson University
     ค. Mc Gill
     ง. Haward University

7. Chat คือรูปแบบการบริการในข้อใด
     ก. การสนทนาออนไลน์
     ข. การค้นหาข้อมูล
     ค. การใช้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
     ง. การดาวน์โหลดข้อมูล

8. กระดานข่าวมีความหมายตรงกับข้อใด
     ก. การพูดคุยทางโทรศัพท์
     ข. การติดประกาศในบอร์ดข่าวสาร
     ค. การส่งการ์ดอวยพร
     ง. การส่งจดหมายหาเพื่อน

9. โปรแกรมที่ได้รับการนิยมในการสนทนาออนไลน์
     ก. Pirch
     ข. ICQ
     ค. Microsoft NetMeeting
     ง. ถูกทุกข้อ

10. หน้าจอคอมพิวเตอร์ใน การค้าอิเล็กทรอนิกส์ เปรียบเสมือนในข้อใด
     ก. ประตูที่เปิดร้านค้าทั่วโลก
     ข. โต๊ะทำงาน
     ค. ประตูสวรรค์ ท่องเที่ยว
     ง. จอมอมิเตอร์





เฉลย : 1.ก   2.ง   3.ข   4.ข   5.ค  6.ค  7.ก   8.ข  9.ง   10.ก

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หน่วยที่ 2 การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

แนวคิด
        เครื่องคอมพิวเตอร์ในอดีตจะเป็นเพียงเครื่องสำหรับการใช้งานในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใช้งานในรูปแบบของโปรแกรมสำนักงานทั่วไปๆ แต่ต่อมาได้นำอุปกรณ์แปลงสัญญาณที่เราเรียกว่า โมเด็มมาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อการใช้งานผ่านทางสายสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เกิดเป็นระบบอินเทอร์เน็ตขึ้นมาเพื่อใช้ในของโลกยุคปัจจุบัน

สาระการเรียนรู้
        1. การปรับแต่งคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้อินเทอร์เน็ต
        2. การติดตั้งโปรแกรมเชื่อต่อแบบ Dial-Up Connection
        3. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
        4. การยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
        1. บอกคุณลักษณะของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
        2. บอกหน้าที่และประเภทของโมเด็มได้
        3. บอกคุณสมบัติของโปรแกรมต่างๆ ที่มีความสำคัญในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
        4. บอกวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทได้
        5. บอกถึงความสำคัญและการตัดสินใจเลือกใช้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้
        6. อธิบายวิธีการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
        7. อธิบายวิธีการยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

        เมื่อได้ทราบถึงประวัติความเป็นมา รวมทั้งความหมายของระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว ถ้าเราต้องการที่จะเขื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งาน เราจะต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง นอกจากสิ่งที่เรามองเห็น คือเครื่องคอมพิวเตอร์ ฉะนั้น เราจะต้องทราบถึงอุปกรณ์ วิธีการเชื่อมต่อ แบะการพิจารณาผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต เพื่อสมัครเป็นสมาชิกในการใช้บริการ
อินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกอย่างจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดนจะแสดงขั้นตอนและวิธีการในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับการใช้งานภายในบ้าน ซึ่งเราจะต้องเป็นบุคคลที่จะต้องจัดหาอุปกรณ์ทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อทำให้สามารถเลือกอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้งานได้อย่างถูกต้องซึ่งจะแตกต่างกับวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากหน่วยงาน เพราะเราจะเป็นเพียงผู้ใช้เท่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการติดตั้ง หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

การปรับแต่งคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
        สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานภายในบ้าน จำเป็นต้องมีส่วนประกอบสำคัญที่จะสามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพราะการใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น จะต้องเกิดจากการเชื่อมต่อของทั้งสองฝั่งก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
        1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
        2. โมเด็ม (Modem)
        3. โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
        4. วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
        5. การเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

อุปกรณ์อินเทอร์เน็ต
        1. เมนบอร์ด (Mainboard) เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควรมีประสิทธิภาพสูงพอสมควรในปัจจุบันคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป จะมีซีพียูรุ่น Celeron, Pentium IV และ AMD ซึ่งซีพียูเหล่านี้จะสนับสนุนการใช้งานเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และซีพียูเหล่านี้จะรับรองการใช้งานระบบ มัลติมีเดียด้วย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ การ์ดเสียง และลำโพง เพราะการท่องเว็บนั้นจะมีทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียง จึงจำเป็นต้องมีระบบรองรับการใช้งาน เพื่อให้สามารถท่องเว็บได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้น่าสนใจมากขึ้น
        2. หน่วยความจำแรม (RAM) การเลือกหน่วยความจำแรมจะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ แต่อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 64-128 MB แต่ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้คือ Windows XP หน่วยความจำแรมไม่ควรต่ำกว่า 256 MB เพราะโปรแกรมที่ใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตจะต้องใช้หน่วยความจำมากพอสมควร
        3. จอภาพและการ์ดแสดงผล จอภาพสามารถแสดงผลได้ตั้งแต่ 256 สีขึ้นไป ความละเอียดไม่ควรต่ำกว่า 800x600 pixels ซึ่งปัจจุบันจอภาพจะสามารถแสดงได้ถึง 16 ล้านสีแล้ว ทำให้สามารถแสดงภาพได้ดีโดยเฉพาะภาพถ่าย
        4. ระบบมัลติมีเดีย คือการ์ดเสียงพร้อม
ลำโพง หรือถ้าใช้โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตก็จะต้องมีไมโครโฟนด้วย และถ้าต้องการพูดคุยแบบให้เห็นหน้าทั้งสองฝ่ายก็ต้องมีกล้องวิดีโอที่มีความละเอียดต่ำ หรือที่เรียกว่า เว็บแคม” (Webcam) ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นจะมีให้เฉพาะการ์ดเสียง และลำโพงเท่านั้น อุปกรณ์เสริมอื่นๆ คือ ไมโครโฟน และกล้องเว็บแคม ผู้ใช้จะต้องหาเพิ่มเติมเองเมื่อต้องการใช้งาน

โมเด็ม         
        โมเด็ม หรือ Modem (Modulator/Demodulator) มีหน้าที่แปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล (Digital) ของระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก (Analog) เพื่อให้สามารถส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้ เรียกว่า การ Modulate โดนที่ปลายทางก็จะมีโมเด็มทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก (Analog) ซึ่งรับมาจากโทรศัพท์ให้กลับมาเป็นข้อมูลแบบดิจิทัล (Digital) เพื่อใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า การ Demodulate
        โมเด็มมาตรฐานในปัจจุบัน จะมีความเร็วในการสื่อสารข้อมูล ที่ 56 kbps คือ ใน 1 วินาที สามารถดึงข้อมูลได้ 56,000 bit หรือประมาณ 7 kbyte ต่อวินาที เนื่องจากสายโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะสามารถส่งข้อมูลได้ ไม่เกิน 56 kbps ดังนั้น ถ้าเราเลือกโมเด็มที่มีความเร็วมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถทำให้การส่งข้อมูลเร็วขึ้นได้เพราะต้องสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์ โมเด็มจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะของการใช้งาน คือ

        1. โมเด็มแบบภายใน (Internal) มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเข้ากับสล็อตแบบ PCI ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
        ข้อดี
                1. ไม่เปลื้องเนื้อที่เพราะติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
                2. ไม่ต้องเสียบไฟฟ้า
                3. มีราคาถูก
        ข้อเสีย
                1. การติดตั้งยาก เพราะต้องเปิดเครื่องเพื่อที่จะเสียบการ์ดในสล็อต PCI ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
                2. ไม่สามารถมองเห็นการทำงานของโมเด็ม
                3. เคลื่อนย้ายไปใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ยาก
                4. ต้องการเครื่องที่มีความเร็วสูง
                5. พบปัญหาต่างๆ ได้บ่อย เช่น สายหลุดง่าย



        2. โมเด็มแบบภายนอก (External) จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์โดยจะต่อเข้าที่ Serial Port และ USB Port ของคอมพิวเตอร์
        ข้อดี
                1. ติดตั้งง่าย
                2. สามารถมองเห็นการทำงานของโมเด็มได้
                3. สามารถใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าได้
                4. ไม่ค่อยมีปัญหาในการใช้งาน
                5. สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย
        ข้อเสีย
                1. เปลืองเนื้อที่ในการวางโมเด็ม
                2. มีราคาแพง
                3. ต้องมีแหล่งจ่ายไฟและต่อสายไฟ
                4. ต้องใช้ Serial Port หรือ USB Port ในการต่อกับโมเด็ม ทำให้เปลือง Port ที่มีไว้สำหรับนำไปต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ

3. โมเด็มแบบ PCMCIA เป็นโมเด็มที่มีขนาดเล็กและบางที่สุด ซึ่งมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต โมเด็มแบบ PCMCIA จะถือเป็นโมเด็มแบบภายใน ซึ่งได้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (Notebook Computer) เท่านั้น โดนที่เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คจะมีช่องสล็อตไว้เสียบโมเด็ม PCMCIA ได้ทันที โมเด็มแบบนี้จะใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องคอมพิวเตอร์

        โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต        
        เมื่อมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว ก็ต้องมีโปรแกรมหรือ ซอฟต์แวร์ สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานอินเทอร์เน็ต ซึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ หมายถึง ชุดคำสั่ง ที่เขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น โปรแกรมต่างๆ เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ สำหรับโปรแกรมที่มีความสำคัญในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
 
        1. โปรแกรมระบบปฏิบัติการ เป็นโปรแกรมที่จำเป็นมากสำหรับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกชนิด เพราะจะเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในระบบ เช่นหน่วยความจำ การบันทึกข้อมูล และอุปกรณ์ต่อเชื่อมอื่นๆ เช่น เครื่องพิมพ์ โมเด็ม และจอภาพ โปรแกรมระบบปฏิบัติการยังทำให้ผู้ใช้สามารถปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้น ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ใดไม่มีโปรแกรมระบบปฏิบัติการ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะไม่สามารถปฏิบัติงานได้ และโปรแกรมระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ Microsoft Windows  เช่น Windows 95/98 Windows Me Windows NT/2000 และ Windows XP เป็นต้น
        2. โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ คือ โปรแกรมที่ใช้ในการเปิดเว็บเพจต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตซึ่งโปรแกรมนี้จะมีความสามารถมากมายที่จะเป็นประโยชน์ในการท่องเว็บ และโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ยังเปรียบเสมือนตัวแปลภาษา เพราะเว็บเพจเหล่านั้นจะใช้รูปรูปแบบคำสั่งภาษา HTML ซึ่งโปรแกรมเว็บเบาร์วเซอร์จะแปลคำสั่งต่างๆ มาแสดงผลทางจอภาพ
        โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์มีหลายชนิด เช่น Netscape Communicator, Internet Explorer, Opera เป็นต้น แต่ที่รู้จักดีเป็นที่นิยมใช้งานมากที่สุดคือ Internet Explorer เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Windows
        3. โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจดหมายโดยสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บจดหมายไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และโปรแกรมจะทำการดึงจดหมายของเราจากเครื่อง Mail Server มาไว้ในโฟลเดอร์ที่ได้สร้างไว้ เพื่อเราจะสามารถเรียกอ่านจดหมายได้ตลอดเวลาแม้ในขณะที่ไม่ได้ทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โปรแกรมรับส่งจดหมายที่นิยม ได้แก่ Microsoft Outlook, Microsoft Outlook Express ฯลฯ
        4. โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับดารสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยกัน ทั้งในรูปแบบของการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ ที่เรียกว่าการ Chat รูปแบบของเสียงโดยการสนทนาผ่านไมโครโฟน และในปัจจุบันได้มีโปรแกรมสำหรับการสื่อสารโดยสามารถมองเห็นภาพ และพูดคุยด้วยเสียงระหว่างคู่สนทนาได้ เป็นการสื่อสารแบบทางไกล เช่น โปรแกรม MSN Messenger, Microsoft Chat, Microsoft NetMeeting, ICQ, Pirch, Yahoo Messenger ฯลฯ
        5. โปรแกรมมัลติมีเดียบนอินเทอร์เน็ต การใช้งานบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิทัศน์ เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานในรูปแบบมัลติมีเดียของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะต้องติดตั้งโปรแกรมประเภทนี้ไว้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับข้อมูลประเภทมัลติมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมมัลติมีเดียที่ได้รับความนิยมสำหรับการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่ โปรแกรม Real Audio, Windows Media Player, Real Video ฯลฯ

วิธีการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
        การเชื่อมโยงโดยตรงด้วยเกตเวย์เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เข้ากับ Backbone ของอินเตอร์เน็ต โดยผ่านเกตเวย์ (Gateway) หรือ IP Router   สายสื่อสารความเร็วสูงมาก มักใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก การเชื่อมโยงต่อ
ผ่านInternet Service Providers(ISP)เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าสู่อินเตอร์เน็ตโดยผ่านบริษัทผู้ให้บริการจัดสรรการเชื่อมโยง


รูปแบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet)        
        1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection) การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่อ
อินเตอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับ
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน
(Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้
บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้
องค์ประกอบของการใช้อินเตอร์เน็ตรายบุคคล                
        1. โทรศัพท์                
        2. เครื่องคอมพิวเตอร์                
        3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน                
        4. โมเด็ม (Modem)
        2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต

 
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet) 
        3. การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)                
                1. WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง       

          
                2. GPRS (General Packet Radio Service)    เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย                 


                3. โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สายความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbpsซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย        
       
                4. เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สาย
บลูธูทเพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี  
     
  
        4. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ค(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm)
        ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง

         1. บริการอินเตอร์เน็ตผ่าน ISDN (Integrated Service Digital Network)
            เป็นการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ระบบใหม่ที่รับส่งสัญญาณเป็นดิจิทัลทั้งหมด อุปกรณ์และชุมสายโทรศัพท์จะเป็นอุปกรณ์ที่สนับสนุนระบบของ ISDN โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องโทรศัพท์ และโมเด็มสำหรับ ISDN
   
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ ISDN
                 
        1. Network Terminal (NT) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อจากชุมสาย ISDN เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลของ ISDN โดยเฉพาะ เช่น เครื่องโทรศัพท์ดิจิทัล เครื่องแฟกซ์ดิจิทัล


        2. Terminal adapter (TA) เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อใช้ต่อ NT เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้กับโทรศัพท์บ้านระบบเดิม และทำหน้าที่เป็น ISDN modem ที่ความเร็ว 64-128 Kbps

        3. ISDN card เป็นการ์ดที่ต้องเสียบในแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์เพื่อต่อกับ NTโดยตรง ในกรณีที่ไม่ใช้ Terminal adapter

        4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านคู่สาย ISDN (ISDN ISP) เช่น KSC, Internet Thailand, Lox Info, JI-Net ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

        5. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็มชนิด PCMCIA ของ PCT ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้        

           องค์ประกอบของการต่ออินเตอร์เน็ตด้วยระบบโทรศัพท์ ISDN
เหล่านี้จะทำการเช่าคู่สาย ISDN กับองค์การโทรศัพท์ (บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน )
        2. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม (Cable Modem)       
             เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง โดยไม่ใช้สายโทรศัพท์ แต่อาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการเคเบิลทีวีความเร็ว ของการใช้เคเบิลโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะทำให้ความเร็วสูงถึง 2/10 Mbps นั้น คือ ความเร็วในการอัพโหลด ที่ 2 Mbps
และความเร็วในการ ดาวน์โหลด ที่ 10 Mbps แต่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ที่ 64/256 Kbps
          องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเคเบิลโมเด็ม 
               
        1. ต้องมีการเดินสายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิล มาถึงบ้าน ซึ่งเป็นสายโคแอกเชียล (Coaxial ) 
        2. ตัวแยกสัญญาณ (Splitter) ทำหน้าที่แยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ผ่านเคเบิล
        3. Cable modem ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ   
        4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม ในปัจจุบัน มีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทเอเชียมัลติมีเดีย ในเครือเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเชีย ผู้ให้บริการ Asia Net       

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ ADSL

        3. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านระบบโทรศัพท์ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Loop)
        ADSL เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม แต่ใช้การส่งด้วยความถี่สูงกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิม ชุมสายโทรศัพท์ที่ให้บริการหมายเลข ADSL จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ คือ DSL Access Module เพื่อทำการแยกสัญญาณความถี่สูง
นี้ออกจากระบบโทรศัพท์เดิม และลัดเข้าเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมี ADSL Modem ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL จะมีความเร็วที่ 64/128 Kbps (อัพโหลด ที่ 64 Kbps
และ ดาวน์โหลด ที่ 128 Kbps) และที่ 128/256 Kbps (อัพโหลด ที่ 128 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 256 Kbps) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการ 
       


องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย ADSL       
        1. ADSL modem ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณ      
        2. Splitter ทำหน้าที่แยกสัญญาณความถี่สูงของ ADSL จากสัญญาณโทรศัพท์แบบธรรมดา  
        3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL ประกอบด้วย Asia Net, Loxinfo, KSC, CS Internet, Anet, Samart, JI-Net  
       
        4. บริการอินเตอร์เนตผ่านดาวเทียม (Satellite Internet)
        เป็นบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันใช้การส่งผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว (One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download)ด้วยความเร็วสูงในระดับเมกะบิตต่อวินาทีแต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56 Kbps การใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย
       
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยดาวเทียม  

        1. จานดาวเทียมขนาดเล็ก 
        2. อุปกรณ์รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อแปลงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
        3. โมเด็มธรรมดา พร้อมสายโทรศัพท์ 1 คู่สาย เพื่อส่งสัญญาณกลับ (Upload)  
        4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครื่อชินคอร์ปอเรชั่น

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

        การเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
        ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต(ISP)  เป็นบริษัทที่ให้บริการเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ และมักจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม วิธีธรรมดาที่สุดในการเชื่อมต่อกับ ISP ทำได้โดยการใช้สายโทรศัพท์ (การเรียกผ่านสายโทรศัพท์) หรือการเชื่อมต่อแบบบรอดแบนด์ (สายเคเบิล หรือ DSL) ISP หลายๆ แห่งจะมีบริการเพิ่มเติม อาทิเช่น บัญชีอีเมล เว็บเบราว์เซอร์ และเนื้อที่สำหรับการสร้างเว็บไซต์ของคุณ

        ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตมากมายที่เราสามารถเลือกการบริการๆได้ ทำให้เกิดผลดีต่อผู้บริโภคในการที่จะพิจารณาเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยมีวิธีการหลักที่ควรคำนึงถึง ดังต่อไปนี้
        1.ความน่าเชื่อถือ การสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นเปรียบเสมือนการซื้อบริการในสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ ดังนั้น ควรจะพิจารณาว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบริษัทนั้นมีความน่าเชื่อถือในการให้บริการมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะสามารถหาข้อมูลได้โดยการสอบถามจากผู้เคยใช้บริการโดยตรง หรือบุคคลที่อยู่ใน Newsgroups Online
        2. ประสิทธิภาพของระบบ โดยพิจารณาจากความเร็วในการรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์หลุดบ่อยหรือไม่ เพราะถ้าขณะใช้งานอินเทอร์เน็ตแล้วสายโทรศัพท์หลุดบ่อยนั้นจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อเข้าไปใหม่ทุกครั้ง หรือในขณะที่เรากำลังทำการโอนย้ายข้อมูล และเกิดสายโทรศัพท์หลุดก็จะทำให้เราต้องเสียเวลาในการทำการโอนย้ายข้อมูลใหม่และควรพิจารณาถึงความเร็วในการเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ และการเชื่อมต่อกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตภายในประเทศด้วย โดยเราสามารถสอบถามข้อมูลโดยตรงจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตถึงระดับความเร็วในการให้บริการ เพื่อนำมาใช้พิจารณาเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตให้เหมาะสมกับการใช้งานต่อไป
        3. หมายเลขโทรศัพท์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะมีช่องทางการให้บริการด้วยโมเด็ม ดังนั้นจำนวนผู้ใช้บริการจะต้องสัมพันธ์กับหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จัดหาไว้ เพราะถ้าหากจำนวนผู้ใช้บริการมาก แต่หมายเลขโทรศัพท์ที่ให้บริการมีน้อย จำทำให้การเชื่อมต่อเพื่อขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตทำได้ยากเพราะจะปรากฏว่าสายไม่ว่าง ทำให้ต้องเสียเวลาในการต่อโทรศัพท์หลายครั้ง
        4. อัตราการใช้โมเด็ม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมีคู่สายโมเด็มเพียงพอต่อการรองรับการใช้บริการของลูกค้า โดยอัตราส่วนของลูกค้าต่อโมเด็มที่มีประสิทธิภาพนั้น จะอยู่ที่อัตราส่วน 4:1 หมายถึง โมเด็ม 1 ตัว ต่อสมาชิก 4 ราย
        ถ้าอัตราส่วนของผู้ใช้มีจำนวนมากต่อโมเด็ม 1 ตัว ก็จะมีผลทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นช้าลงตามอัตราส่วนของผู้ใช้
        5. ค่าบริการ ให้บริการอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนี้ จะมีทั้งระบบการซื้อชั่วโมงมาใช้งาน เช่น 10, 20, 25, 30, 50, 100 ชั่วโมง เป็นต้น โดยสามารถเลือกซื้อตามปริมาณการใช้งานของเราได้ ซึ่งอายุการใช้งาน 1 ปี ต่อการติดตั้งชั่วโมงการใช้งาน 1 Packet หรือการเหมาจ่ายเป็นรายเดือน ซึ่งผู้ใช้บริการควรจะพิจารณาจากปริมาณการใช้งานของตนเอง เพื่อให้คุ้มค่าต่อปริมาณค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไป เช่น ๆถ้าเลือกหารเหมาจ่ายเป็นรายเดือน แต่ใน 1 สัปดาห์อาจจะใช้อินเทอร์เน็ตเพียง 1 หรือ 2 วัน โดยไม่ได้ใช้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปริมาณการใช้งานจริง
        6. บริการให้คำปรึกษา บางครั้งการใช้อินเทอร์เน็ต ผู้ใช้บริการอาจเจอปัญหาต่างๆ เช่น ไม่สามารถเชื่อมต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือลืมรหัสผ่านในการ Login เข้าไปยังระบบ ตลอดจนสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตควรจะมีบริการให้คำปรึกษาโดยผ่านทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือ โดยให้ผู้ใช้เข้าไปสอบถามที่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้ยังต้องสามารถให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบข้อมูลการใช้งานของตนเองได้อีกด้วย ซึ่งข้อนี้ก็เป็นหลักสำคัญประการหนึ่งที่ผู้ใช้บริการควรนำไปพิจารณาเลือกการใช้งานจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
        7. ค่าธรรมเนียมต่างๆ พิจารณาว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่ละแห่ง นอกเหนือจากอัตราบริการแล้วมีการคิดค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกหรือไม่
        8. บริการเสริม นอกจากการให้บริการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้มีบริการเสริมอื่นๆ ให้ใช้บริการอีกหรือไม่ เช่น มีพื้นที่ว่างสำหรับการสร้าง Homepage และมี E-mail Address ให้ด้วยหรือไม่   

เว็บไซต์ของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

บริษัท สามารถอินโฟเน็ต จำกัด

บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด

บริษัท Internet Knowledge Services Center
   
จัสมินอินเทอร์เน็ต ในเครือจัสมิน และ TT&T

บริษัท แปซิฟิคอินเทอร์เน็ต จำกัด

บริษัท Asia Infonet ในเครือ Telecom Asia

บริษัท Loxley Information Service

การติดตั้งโปรแกรมเชื่อมต่อแบบ Dial-up Connection
        เมื่อได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับการใช้งาน และเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานได้แล้วก็ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบการซื้อชั่วโมงสำหรับการใช้งานภายในบ้าน โดยใช้โทรศัพท์พื้นฐานในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นแบบ Dial-up
ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมเชื่อมต่อแบบ Dial-up  Connection บนระบบปฏิบัติการ Windows Xp
        1. คลิกที่ Start settings Control Panel
        2. เลือก Network and Internet Connections
        3. เลือก  Create a connection to the network at your workplace
        4. ปรากฏหน้าจอ New Connection Wizard/Network Connection ให้คลิกเลือกที่ Dial-up connectionNet
        5. ปรากฏหน้าจอ New Connection Wizard/Connection Name ให้พิมพ์ชื่อของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เช่น  KSC และให้คลิกที่ Net
        6.ปรากฏหน้าจอ New Connection Wizard/Phone Number to Dial ให้พิม์พหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เช่น 044240400 และให้คลิกที่ Net
        7.ในขั้นตอนสุดท้าย ให้เลือกที่ Add a shortcut to this connection to my desktop เพื่อสร้าง shortcut  สำหรับการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ตไว้ที่ หน้าจอ Desktop แล้วคลิกที่ Finish เมื่อได้ติดตั้งโปรแกรมสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในการใช้งานครั้งต่อไป เพียงแค่ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนของการเชื่อต่อบนหน้าจอ Desktop เพื่อกระทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่อไป

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
        1.ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนของการเชื่อมต่อบนหน้าจอ Desktop
หรือ คลิกที่  Start settings Network Connections
        2.ปรากฏหน้าจอ Connect....
ให้พิมพ์ Username และ Password ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะได้มาใน Paclet ที่เราซื้อชั่วโมงการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งในครั้งต่อไปถ้าเราไม่ต้องการพิมพ์ Username และ Password  อีกก็สามารถกำหนดให้โปรแกรม Password ไว้ให้ โดยคลิกเลือกที่ Save this user name and password for the following users:
 โดยในช่อง Dial จะปรากฏหมายเลขโทรศัพท์ได้กำหนดไว้ตั้งแต่การติดตั้งโปรแกรมเพื่อใช้งานแล้วให้คลิกที่ Dial เพื่อทำการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ต่อไป
        3.เมื่อทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว จะปรากฏที่ด้านล่างของหน้าจอ Desktop เพื่อแสดงสถานะของการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ตและถ้าเมื่อต้องการที่จะเข้าไปใช้งานอินเทอร์เน็ตก็สามารถดับเบิ้ลคลิกที่โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ได้ทันที

การยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
        เมื่อต้องการยกเลิกการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ต ให้คลิกขวาที่ซึ่งอยู่ด้านล่างของหน้าจอ Desktop จะปรากฏหน้าต่าง เพื่อให้เลือก Disconnect
หรือถ้าต้องการให้แสดงสถานะของการเชื่อต่อ ให้เลือก Status  โดยจะแสดงสถานะระยะเวลา และความเร็วในการเชื่อมต่อ



แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2

1. ข้อใดคือรุ่นของ CPU
        ก.Celeron
        ข. Pentium IV
        ค. AMD
        ง. ทุกรุ่นที่กล่าวมา

2. โมเด็ม (Modem) มีหน้าที่
        ก. แปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลให้เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก
        ข. แปลงข้อมูลภาพให้เป็นข้อมูลแบบไฟล์
        ค. แปลงข้อมูลสัญญาณเสียงให้เป็นข้อมูลภาพ
        ง. ถูกทุกข้อ

3. โมเด็มแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
        ก. 1 ประเภท
        ข. 2 ประเภท
        ค. 3 ประเภท
        ง. 4 ประเภท

4. การให้บริการ แบบ BAI เหมาะสำหรับผู้ใช้อย่างไร
        ก. สำหรับผู้ใช้รายย่อย
        ข. สำหรับองค์กรขนาดใหญ่
        ค. สำหรับผู้ใช้ในการทำงานเยอะๆ
        ง. สำหรับผู้ใช้ในการเล่นเกมส์  

5. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ ISDN แบ่งออกเป็นกี่ระดับ
        ก. 1 ระดับ
        ข. 2 ระดับ
        ค. 3 ระดับ
        ง. 4 ระดับ

6. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบเคเบิลโมเด็ม เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องใช้สายโทรศัพท์หรือไม่
        ก. ใช้
        ข. ไม้ใช้
        ค. ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้
        ง. ไม่มีข้อถูก

7. ข้อดี-ข้อเสีย ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม
        ก. ความเร็วในการรับข้อมูลสูง
        ข. ช่องทางการสื่อสารจะถูกรบกวนได้ง่าย
        ค. มีอุปกรณ์ที่มีราคาแพง
        ง. ถูกทุกข้อ

8. Leased Line เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใด
        ก. แบบผ่านดาวเทียม
        ข. แบบ ADSL
        ค. แบบวงจรเช่า
        ง. แบบ ISDN

9. ถ้าเราจะเลือกการบริการ ควรคำนึกถึงข้อใด
        ก. ความน่าเชื่อถือ
        ข. ประสิทธิภาพของระบบ
        ค. ค่าบริการ
        ง. ทั้งหมดที่กล่าวมา

10. โปรแกรมที่เปิดใช้สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต คือโปรแกรมใด
        ก. Microsoft word
        ข. Microsoft NetMeeting
        ค. Internet Explorer
        ง. Windows Media Player



เฉลย : 1.ง  2.ก  3.ค  4.ก  5.ข  6.ข  7.ง  8.ค  9.ง  10.ค